บทความต้องรู้

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

7 วิธีทำให้รถของคุณประหยัดน้ำมันขึ้นแบบไม่ต้องพึ่งตัวช่วย

19/เม.ย./2564

7 วิธีทำให้รถของคุณประหยัดน้ำมันขึ้นแบบไม่ต้องพึ่งตัวช่วย

หากไม่รู้จักวิธีขับที่ถูกต้องก็จะทำให้เกิดการสิ้นเปลือง มาปรับนิสัยการขับรถอย่างไรให้ประหยัดน้ำมันกันดีกว่าเพื่อรับ มือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

1.ประหยัดน้ำมัน ด้วยการไม่ขับรถเร็ว ในกรณีที่คุณขับรถที่มีความเร็วอย่างสม่ำเสมอที่เหมาะสมคือ 80 กม. ต่อ ชม. จะทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 10-15  % แต่หากขับเร็วขึ้นเป็น 100 กม.ต่อชั่วโมงจะทำให้เปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 6 % ซึ่งการทำความเร็วคงที่หรือใช้ความเร็วสม่ำเสมอเป็นการทำให้เครื่องยนต์มีการทำงานอย่างราบเรียบ

2.วางแผนการเดินทางและการวางแผนไปด้วยกันเพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน การใช้รถยนต์ในแต่ละวันเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้ใช้รถในคราวเดียวและเดินทางไปในทิศทางเดียวกัน จะเป็นการดีกว่า เพราะการการใช้รถหลายคันขับไปส่งแต่ละคนนั้นอาจทำให้ไม่เป็นการประหยัดน้ำมัน ซึ่งการมีจุดมุ่งหมายในการเดินทาง จึงจะไปถึงที่หมายได้เร็วขึ้นและจะได้ไม่ขับอ้อมให้เปลืองน้ำมันค่ะ

3.ประหยัดน้ำมัน ด้วยการไม่เปิดแอร์แรงเกินไป  ควรปรับระดับความเย็นเท่าที่จำเป็น เพราะหากปรับอุณหภูมิต่ำเกินไปแน่นอนว่าคอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานหนัก และเป็นภาระให้เครื่องยนต์มากขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นไปด้วยค่ะ

4.ตรวจวัดลมยางอยู่เสมอจะช่วยประหยัดน้ำมัน ลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้หน้ายางมีความเสียดสีมากให้สิ้นเปลืองน้ำมัน ควรเติมลมยางให้ได้ตามกำหนดมาตรฐานทั้งล้อหน้าและล้อหลัง  หมั่นตรวจเช็คความดันลมยางเสมอเมื่อเข้าใช้บริการในปั้ม แม้จะเสียเวลาอีกนิดแต่ก็ช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันขึ้น

5.ประหยัดน้ำมัน ด้วยการตรวจเช็คและตั้งเครื่องยนต์ตามกำหนด ตรวจเช็คสภาพและการดูแลรักษาเครื่องยนต์รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ได้ตามมาตรฐานแล้ว แน่นอนว่าการใช้น้ำมันก็จะน้อยกว่าและควรหมั่นตรวจไส้กรองบ้าง หรือเปลี่ยนใหม่เมื่อหมดอายุการใช้งาน เพราะไส้กรองเป็นส่วนสำคัญในการที่จะถ่ายเทอากาศเข้าไปทำปฏิกิริยาภายในเครื่อง หากไส้กรองชำรุดหรืออุดตันจะทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ไม่มีประสิทธิภาพ เครื่องยนต์ทำงานหนักกว่าปกติและจะทำให้เกิดการไม่ประหยัดน้ำมัน มากขึ้น

6.ไม่ควรติดแร็คหลังคารถ หากต้องการประหยัดน้ำมัน การติดตั้งแร็คหลังคารถ ซึ่งเป็นที่บรรทุกของบนหลังคา แต่สิ่งนี้อาจทำให้คุณเปลืองเชื้อเพลิงขึ้นอย่างมาก เพราะหลักอากาศพลศาสตร์ของจะเสียไปและมีแรงต้านมากขึ้น ควรเลือกใช้เวลาที่จำเป็นสำหรับการบรรทุกของและเดินทางไกลเท่านั้น

7.ประหยัดน้ำมัน ด้วยหลักการเติมน้ำมัน การเติมน้ำมันควรเติมแต่พอดีอย่าล้น ซึ่งความจริงในปัจจุบันนับว่าหาได้ยากนักที่คนจะเติมน้ำมันจนเต็มถัง แต่หากคุณไปเติมน้ำมัน แล้วบอกเด็กปั๊มว่า ให้เติมเต็มถัง  ก็ให้ระลึกไว้เลยว่าอย่าให้เด็กปั้มผู้ใสซื่อกดหัวจ่ายจนถึงคอหอยจนน้ำมันจะทะลักออกมาข้างนอก เพราะนั่นไม่ได้ช่วยให้ได้คุ้มค่าเลย แต่กลับจะทำให้น้ำมันถูกบ้วนทิ้งออก เมื่อน้ำมันมีอุณหภูมิสูงขึ้น และควรเติมเต็มถังแบบไม่ล้นถ้ามีโอกาส ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ควรปฏิบัติ การเติมน้ำมันเต็มถังจะทำให้แรงดันในถังมีเยอะ และเมื่อมีแรงดันในถัง ก็หมายความว่า น้ำมันที่ถูกดูดออกไปใช้จะไม่ลดลงเร็วกว่าปกติ และยังช่วยในการรักษาปั้มเชื้อเพลิงที่อยู่ในถังไม่ให้ร้อน ซึ่งจะส่งผลทำให้เสียหายเร็วกว่าอายุการใช้งานทั่วไป

บทความอื่นที่ใกล้เคียง

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ลมยางรถยนต์ควรเติมเท่าไหร่จึงจะดีที่สุด

รถแต่ละประเภทหรือแต่ละรุ่นเติมแรงดันลมยางไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดเลยนะคะ แรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเติมลมยางรถเก๋งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง แต่ถ้าหากต้องบรรทุกน้ำหนักมาก เช่น กรณีที่มีผู้โดยสารเต็มทั้ง 5 ที่นั่ง หรือบรรทุกของด้านหลังจนเต็ม อาจเพิ่มปริมาณการเติมได้ถึง 33-35 PSI เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถกระบะนั้นจะค่อนข้างใช้ลมยางที่มากกว่ารถเก๋งโดยสารตามปกติ โดยสำหรับล้อหน้าแรงดันยางจะอยู่ที่ประมาณ 36-38 PSI และล้อหลังที่ 40-42 PSI แต่ถ้าหากบรรทุกของเต็มท้ายรถ ก็สามารถเพิ่มปริมาณการเติมลมเพื่อรองรับน้ำหนักได้มากถึง 47-51 PSI เลยทีเดียวค่ะ

scroll up