บทความต้องรู้

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

รถติดไฟแนนซ์ ขายได้ไหม ?

31/มี.ค./2566

แต่ถ้ารถยังผ่อนไม่หมดล่ะ จะขายได้ไหม? หรือต้องทำยังไง เตรียมตัวอะไรบ้าง ใครที่ยังมีความสงสัยข้อมูลจริงเป็นอย่างไร วันนี้ #ไมค์คาร์แกลเลอรี่ ขอแนะนำข้อมูลของการขายรถที่ยังผ่อนไม่หมด หรือรถที่ยังติดไฟแนนซ์ ข้อควรที่ต้องระวัง และเรื่องที่ควรรู้เพิ่มเติมให้ในแบบจัดเต็ม!

 

รถยังไม่ผ่อนไม่หมด หรือรถติดไฟแนนซ์ คืออะไร?

            ก่อนจะหาวิธีขายรถที่ยังผ่อนไม่หมด มาทำความรู้จักกับการผ่อนรถก่อนดีกว่า เราอาจจะคุ้นหูกับคำว่า “รถติดไฟแนนซ์” แต่เคยสงสัยมั้ยว่า มันคืออะไร?

            รถที่ติดไฟแนนซ์ มาจากการซื้อรถผ่านบริษัทที่รับจัดไฟแนนซ์รถยนต์ให้กับเรา ซึ่งการจัดไฟแนนซ์รถยนต์ คือ การที่เราซื้อรถกับบริษัทที่ขายรถยนต์โดยตรง หรือซื้อผ่านบริษัทที่รับจัดไฟแนนซ์รถยนต์ โดยที่เราจะได้รถมาใช้เลยหลังตกลงเสร็จสิ้น และชำระเงินด้วยวิธีการทยอยจ่ายเป็นรายเดือนไป ตามแต่ตกลงว่าจะผ่อนชำระเดือนละกี่บาท เป็นระยะเวลาเท่าไหร่ อัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่

            ในกรณีนี้ ขณะที่เรายังผ่อนชำระรถยนต์ที่ติดไฟแนนซ์อยู่นั้น ชื่อของเจ้าของรถจะเป็นของบริษัทรถยนต์ หรือบริษัทรับจัดไฟแนนซ์นั้น ๆ จนกว่าเราจะผ่อนชำระเงินต้นรวมถึงดอกเบี้ยครบถ้วน กรรมสิทธิ์เจ้าของรถก็จะได้รับโอนมาเป็นชื่อของเรา

            ในบางสถานการณ์ เมื่อเราผ่อนชำระงวดรถครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องการหนทางช่วยให้มีสภาพคล่องทางการเงินสำหรับการลงทุน อุปโภค หรือบริโภคเพิ่มเติม ก็สามารถนำรถยนต์ของเรากลับไป

“รีไฟแนนซ์” เพื่อให้ได้เงินก้อนมา และผ่อนชำระกลับไปเป็นรายเดือนตามระยะเวลา อัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขของบริษัทรถยนต์หรือสถาบันการเงินอื่น ๆ กำหนดไว้ได้เช่นกัน

 

รถยังผ่อนไม่หมดสามารถขายได้ไหม?

            สำหรับการขายรถนั้นเป็นเรื่องปกติที่สามารถขายได้ทั่วไป ส่วนกรณีที่ไม่มั่นใจว่า รถติดไฟแนนซ์ รถที่ยังผ่อนไม่หมด ขายได้ไหม? ให้ลองมองว่า การที่รถยังอยู่ในช่วงผ่อนชำระ หรือเรียกว่า ติดไฟแนนซ์ หมายความว่า เรายังไม่ใช่รถของเจ้าของเองร้อยเปอร์เซ็นต์ จึง “ไม่มีสิทธิ์” นำไปขายต่อได้ เพราะขณะที่ผ่อนชำระนั้น ชื่อของเราจะอยู่ในสถานะผู้เช่าซื้อเท่านั้น กรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของรถยังเป็นชื่อของสถาบันที่เราไปจัดไฟแนนซ์อยู่นั่นเอง

            หากนำรถที่ยังติดไฟแนนซ์ไปขายต่อ “โดยพลการ” ซึ่งก็คือไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้าของกรรมสิทธิ์นั้น นับว่าเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 352 มีใจความว่า

            “ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ”

            สรุปง่าย ๆ ในกรณีของการขายรถติดไฟแนนซ์โดยพลการนั้น ตามประมวลกฎหมายนี้ถือว่าผิด เพราะยังถือว่าเราเป็นเพียงผู้เช่าซื้อ นำรถที่ยังเป็นของคนอื่นมาเป็นของเรา หรือลักลอกขายต่อให้กับคนอื่น ส่งผลให้มีโทษทางกฎหมายได้ทั้งในทางแพ่งและอาญานั่นเอง

            แต่คนที่ลังเลว่าจะนำรถที่ยังผ่อนไม่หมดไปขายได้ไหมนั้น อย่าเพิ่งเศร้าใจไป เพราะการกระทำที่ทำให้ผิดกฎหมาย คือ การนำรถที่ชื่อเราไม่ใช่เจ้าของไปขายโดยพลการ สำหรับคนที่ต้องการวิธีขายรถที่ยังผ่อนไม่หมดที่ถูกต้องนั้น หัวข้อต่อ ๆ ไปมีคำตอบรออยู่ ไปดูกันเลย

 

อยากขายรถที่ยังผ่อนไม่หมด รถติดไฟแนนซ์ ให้ถูกวิธี ต้องทำยังไง?

            สำหรับคนที่ซื้อรถด้วยวิธีผ่อนชำระมาแล้ว แต่รู้สึกว่าตัวเองผ่อนไม่ไหว เกิดคำถามว่ารถยังผ่อนไม่หมดขายได้ไหม หรือมีเหตุผลอื่น ๆ ที่อยากขายรถทั้ง ๆ ที่ยังผ่อนไม่หมด วิธีที่ทำได้ คือ การเจรจาขอผ่อนปรนสัญญาเช่าซื้อกับทางบริษัทหรือสถาบันทางการเงินที่เราไปจัดไฟแนนซ์ด้วย โดยควรปรึกษาและทำการเปลี่ยนสัญญากับเจ้าของกรรมสิทธิ์ให้ถูกต้อง ซึ่งมีรายละเอียดของวิธีขายรถที่ยังผ่อนไม่หมด ดังนี้

 

  • ปิดไฟแนนซ์ก่อนขายรถ

            การปิดไฟแนนซ์ก่อนขายรถ คือ การชำระงวดทั้งหมดที่ค้างชำระ หรือที่เรียกว่า นำเงินก้อนไปปิดไฟแนนซ์ก่อนเพื่อให้กรรมสิทธิ์เป็นของเรา จากนั้นค่อยขายออก อีกทั้งยังได้ส่วนลดของดอกเบี้ยในส่วนที่เหลืออยู่ด้วย

            วิธีขายรถที่ยังผ่อนไม่หมดในลักษณะนี้ เหมาะกับคนที่มีเงินเก็บ หรือสะดวกชำระเป็นก้อน และไม่สะดวกกับขั้นตอนเอกสารอย่างการจัดการสัญญาต่าง ๆ เพราะวิธีนี้จะช่วยโอนเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถจากไฟแนนซ์มาเป็นชื่อของเราเพื่อให้สามารถดำเนินการต่อไปได้สะดวก ส่วนข้อเสียของวิธีนี้ แน่นอนว่าคือการที่ต้องมีเงินก้อนมาโปะทับ อาจจะไม่ค่อยเหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้มีเงินเก็บเป็นก้อน

 

  • ขายดาวน์ให้กับผู้อื่น

            ในเมื่อเราไม่สามารถหาเงินก้อนใหญ่มาปิดไฟแนนซ์ได้ อีกวิธีขายรถที่ยังผ่อนไม่หมดก็คือการหาคนมาซื้อรถที่ติดไฟแนนซ์ต่อจากเราอีกต่อหนึ่ง โดยผู้ซื้อต้องมีเงินเป็นก้อนมาปิดบัญชีไฟแนนซ์ รวมออกค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือแทนเราทั้งหมด แล้วกรรมสิทธิ์ก็จะตกเป็นของผู้ซื้อต่อจากเราทันที

            วิธีนี้อาจมีข้อเสียที่ต้องหาผู้ซื้อที่ยอมรับเงื่อนไขในการขายดาวน์ รวมถึงจะต้องมีเงินก้อนเพื่อมาปิดบัญชีไฟแนนซ์แทนเรา แต่ถ้าหากมีผู้รับซื้อต่อจากเราที่รับเงื่อนไขได้นั้น ก็นับได้ว่าเป็นวิธีส่งต่อที่รวบรัดและจบในตอนทีเดียว

 

  • ขายดาวน์แบบเปลี่ยนผู้ถือสัญญา

            วิธีขายรถที่ยังผ่อนไม่หมดวิธีนี้มีความคล้ายกับวิธีขายดาวน์ให้กับผู้อื่น ความยากในการหาผู้ซื้อจะน้อยกว่า เพราะผู้ที่ซื้อต่อเราไม่จำเป็นต้องมีเงินก้อนเพื่อปิดยอดส่วนที่เหลือทั้งหมด ผู้ที่ซื้อเพียงแค่ต้องมีกำลังพอที่จะสามารถผ่อนต่อและยอมรับเงื่อนไขจากผู้ขายได้ก็เพียงพอแล้ว

 

            ผู้ซื้อและผู้ขายจะตกลงรายละเอียดสัญญา และความสามารถในการผ่อนจ่ายของผู้ที่ซื้อต่อร่วมกับบริษัทรถยนต์ หรือสถาบันการเงินที่จัดการไฟแนนซ์รถยนต์ที่เรากำลังดาวน์ เพื่อให้ทางบริษัทนั้นพิจารณาว่าคนที่จะซื้อดาวน์ต่อนั้น มีความสามารถในการผ่อนจ่ายจริงหรือไม่

 

  • ขายกับเต็นท์รถมือสอง

            การขายรถที่ยังผ่อนไม่หมดกับเต็นท์รถมือสอง หรือศูนย์บริการ เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการขายด่วน หรือกรณีที่หาคนมาซื้อรถต่อไม่ได้ นับว่าเป็นทางเลือกที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับวิธีอื่น เพราะทางเต็นท์รถมือสองจะดำเนินการต่อกับบริษัทไฟแนนซ์เพื่อปิดไฟแนนซ์ที่ค้างจากเราต่อไป

            แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือ อาจเสี่ยงกับเต็นท์รถยนต์มือสอง หรือศูนย์บริการบางแห่งที่กดราคาให้ต่ำกว่าราคากลางตามท้องตลาดทั่วไป หรือในกรณีที่ไม่อยากให้เกิดที่สุดคือ ที่ที่รับต่อนั้นอาจกลายเป็นการรับฝากขายแทน ไม่ได้รับช่วงปิดไฟแนนซ์ให้อย่างที่หวัง

 

เอกสารที่ต้องใช้ในการขายรถที่ยังผ่อนไม่หมด

          อ่านมาถึงตรงนี้ น่าจะได้คำตอบกันไปแล้ว สำหรับคำถามที่ว่า รถยังผ่อนไม่หมดขายได้ไหม ย้ำอีกครั้งชัด ๆ ว่า ขายได้! หากไม่ได้ทำโดยพลการ ส่วนใครที่เตรียมตัวพร้อมจะขายแล้วนั้น ก็ขอต้อนรับเข้าสู่ขั้นตอนต่อมา ซึ่งก็คือขั้นตอนการเตรียมเอกสารนั่นเอง

            สำหรับการทำเรื่องขายรถที่ยังผ่อนไม่หมด ผู้ขายจะต้องเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตัวผู้ขาย ตัวรถ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าเราเป็นผู้เช่าซื้อของรถคันนี้ ยิ่งในกรณีที่เราขายต่อทั้งที่ยังผ่อนไม่หมด เราก็ต้องมีหลักฐานที่แสดงให้ทราบยอดที่ปิดค้างไว้ และที่สำคัญที่สุด ผู้ขายควรถ่ายสำเนาเอกสารเก็บสำรองไว้ตลอด เพื่อเป็นหลักฐานป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันจากเอกสารสูญหายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

            มาดูรายชื่อเอกสารสำคัญเบื้องต้นที่จะต้องเจอในขั้นตอนการขายรถที่ยังผ่อนไม่หมดให้กับผู้ซื้อต่อ ซึ่งจำนวนชุดของแต่ละเอกสารนั้น อาจแตกต่างกันไปตามกระบวนการทำงานของแต่ละบริษัทจัดไฟแนนซ์

 

เอกสารสำหรับขายรถให้กับเต็นท์รับซื้อรถ หรือศูนย์บริการ

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขาย
  • สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน
  • ทะเบียนรถฉบับจริง ที่มีรายละเอียดครบถ้วน ได้แก่ รุ่นรถ สี เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ ประวัติการต่อภาษี และชื่อเจ้าของรถ
  • แบบคำขอโอนกรรมสิทธิ์
  • สัญญาซื้อขาย ระหว่างผู้ขายและผู้ที่ซื้อรถดาวน์ต่อ และ สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ หรือ สัญญาไฟแนนซ์ ที่ทำกับบริษัทรถยนต์ที่จัดไฟแนนซ์
  • เอกสารสำรองเพิ่มเติม เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ หนังสือมอบอำนาจ สัญญาค้ำประกันการเช่าซื้อ เอกสารประกันภัยรถยนต์ เป็นต้น

 

เอกสารสำหรับส่งต่อสัญญารถยนต์ เพื่อเปลี่ยนชื่อผู้เช่าซื้อ

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เช่าซื้อเดิม (ผู้ขาย) ผู้เช่าซื้อใหม่ (ผู้ซื้อต่อ) และผู้ค้ำประกัน (ถ้ามี)
  • หลักฐานทางการเงิน เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน ของผู้ที่เช่าซื้อคนใหม่ และผู้ค้ำประกันคนใหม่ (ถ้ามี)
  • ช่องทางติดต่อของผู้เช่าซื้อคนใหม่ เช่น เบอร์โทรศัพท์ แผนที่ของที่อยู่ปัจจุบัน
  • ลอกลายเลขตัวถังรถคันที่เช่าซื้อ

 

            เพียงเท่านี้การขายรถมือสองที่ยังผ่อนไม่หมดหรือติดไฟแนนซ์อยู่ ก็สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมายแล้ว หากคุณยังไม่รู้ว่าจะขายรถมือสองที่ไหนดี สามารถลองมาลงขายกับเราได้ที่ MIKE CAR GALLERY ไมค์ คาร์ แกลเลอรี่ รถติดไฟแนนซ์ รถยังผ่อนไม่หมดก็ขายได้ ไม่มีปัญหา และไม่มีข้อผูกมัด ราคาประเมินสูงและดีที่สุด

บทความอื่นที่ใกล้เคียง

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ลมยางรถยนต์ควรเติมเท่าไหร่จึงจะดีที่สุด

รถแต่ละประเภทหรือแต่ละรุ่นเติมแรงดันลมยางไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดเลยนะคะ แรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเติมลมยางรถเก๋งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง แต่ถ้าหากต้องบรรทุกน้ำหนักมาก เช่น กรณีที่มีผู้โดยสารเต็มทั้ง 5 ที่นั่ง หรือบรรทุกของด้านหลังจนเต็ม อาจเพิ่มปริมาณการเติมได้ถึง 33-35 PSI เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถกระบะนั้นจะค่อนข้างใช้ลมยางที่มากกว่ารถเก๋งโดยสารตามปกติ โดยสำหรับล้อหน้าแรงดันยางจะอยู่ที่ประมาณ 36-38 PSI และล้อหลังที่ 40-42 PSI แต่ถ้าหากบรรทุกของเต็มท้ายรถ ก็สามารถเพิ่มปริมาณการเติมลมเพื่อรองรับน้ำหนักได้มากถึง 47-51 PSI เลยทีเดียวค่ะ

scroll up