บทความต้องรู้

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ทำไมฝาถังน้ำมันรถ ไม่อยู่ฝั่งเดียวกัน

16/พ.ค./2566

            ช่วงเทศกาลที่ประชาชนมักขับรถกลับบ้านที่ต่างจังหวัด หรือไม่ก็พากันไปเที่ยวยังสถานที่ยอดนิยมต่าง ๆ ปั๊มน้ำมัน คือ จุดแวะพักระหว่างทางที่คลาดคล่ำไปด้วยรถยนต์และผู้คนจำนวนมาก ซึ่งปัญหาชวนหงุดหงิดที่ผู้ขับขี่ต้องพบเจอ หนีไม่พ้นเรื่องการรอคิวเติมน้ำมัน ที่รถยนต์ส่วนใหญ่ซึ่งขายในเมืองไทยฝาถังน้ำมันรถจะอยู่ที่ด้านซ้าย ทำเอารถคันอื่น ๆ ต้องต่อรอคิวยาวไปถึงทางเข้า

            สิ่งที่คนสงสัยว่าทำไมฝาถังน้ำมันของรถญี่ปุ่นในไทยส่วนใหญ่ มันถึงไปอยูที่ด้านซ้ายฝั่งคนนั่ง แล้วรถยุโรปทำไมถึงมีฝาอยู่ฝั่งขวาด้านเดียวกับผู้ขับขี่ หากมองผิวเผินคงคิดว่าขึ้นอยู่กับพวงมาลัยซ้ายหรือขวา แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านั้นเสมอไป

 

ทำไมฝาถังไม่อยู่ฝั่งเดียวกัน

            ทำไมรถยุโรปถึงอยู่ฝั่งขวา แล้วรถญี่ปุ่นอยู่ฝั่งช้าย อันนี้ไม่มีข้อกำหนด ที่ตายตัวแต่ส่วนใหญ่ผู้ออกแบบมักให้ฝาถังน้ำมันอยู่คนละฝั่งกับท่อไอเสีย เนื่องจากเหตุผลในการออกแบบถังน้ำมันกับช่องทางเติมจะต้องไม่อยู่ใกล้กับ ระบบท่อไอเสียที่มีความร้อนสูง เป็นเรื่องของความปลอดภัยนั่นเอง เพราะการวางแผนที่จะนำวางอะไหล่ไว้บนรถหนึ่งคันไม่ใช่เรื่องง่ายและอาจต้องคำนวณอะไรออีกมากมาย นี่คือหนึ่งในปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ทำให้ฝาถังน้ำมันไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกัน ส่วนนึงมาจากเรื่องความสวยงามในการออกแบบ ดูเรียบเนียนไม่มีอะไรมาขัดตาด้านฝั่งคนขับ รวมถึงเรื่องสะดวกและประหยัดเวลาในการเติมน้ำมัน เช่น ประเทศที่ขับรถเลนซ้าย (พวงมาลัยขวา) การออกแบบให้ฝาถังอยู่ด้านซ้าย จะง่ายในการจอดรถให้ใกล้กับหัวจ่ายน้ำมัน

 

จำไม่ได้ว่าน้ำมันรถเติมยี่ห้ออะไรทำอย่างไรดี

            ขอบอกเลยว่าสิ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยเมื่อไปเติมน้ำมัน หลายท่านคงเคยเห็นหรือประสบเหตุการณ์ที่บอกน้ำมันกับพนักงานผิดและเติมน้ำมันผิดยี่ห้อเข้าเครื่องยนต์ จริง ๆ แล้ววิธีนี้แก้ง่ายนิดเดียว เพราะถ้าหากเราจำไม่ได้ก็ให้พนักงานเติมน้ำมันเปิดฝาถังเราดูเองได้เลย!

หากดูตามรูปแล้วไม่มั่นใจ สามารถไปเปิดถังมันดูตอนนี้ได้เลย เพราะรถที่ผลิตใหม่ ส่วนใหญ่จะมียี่ห้อน้ำมันที่แนะนำเติมแปะบอกไว้แล้ว เพื่อป้องกันการเกิดเหตุผิดพลาดในการเติมน้ำมัน เพราะสิ่งนั้นสามารถทำให้เครื่องยนต์ของท่านพังได้ทันที

 

ทำไมไม่ควรลากสายน้ำมันไปเติมอีกฝั่ง?

            การเติมน้ำมันแล้วเข้าจอดผิดฝั่ง เด็กปั๊มต้องลากสายเติมน้ำมันมาอีกฝั่งของรถเรา จังหวะนี้เองอาจทำให้สายเติมน้ำมันไปโดนสีรถทำให้เป็นรอยได้ ซึ่งในบางปั๊มก็จะมีการแนะนำให้เข้าเติมให้ถูกฝั่งเพื่อป้องกันปัญหานี้ และมันอาจทำให้คุณดูตลกในการไปเติมน้ำมันอีกด้วย

 

ทำอย่างไรเมื่อเราจำไม่ได้ว่าฝาถังน้ำมันเราอยู่ฝั่งไหน

จริง ๆ แล้วคุณไม่ได้เจอเรื่องนี้อยู่คนเดียว ยังมีอีกหลายคนที่ขับรถมาเป็นหลายสิบปี และทุกวันนี้ยังมีคนหลงลืมหรือยังจำเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ไม่ได้ ซึ้งบอกได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่น่าอายอย่างที่คุณคิด เพราะเรามีทริคง่าย ๆ สำหรับใครที่ยังมีปัญหาเลือกฝั่งช่องเติมน้ำมันผิดอยู่

 

            สรุปแบบเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ฝาถังน้ำมันจะอยู่ซ้ายหรือขวาล้วนขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิตทั้งสิ้น ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าฝาถังน้ำมันจะต้องอยู่ตรงข้ามหรือฝั่งเดียวกับพวงมาลัย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความพึงพอใจจากทีมวิศวกรที่ทำการสร้างรถยนต์ทั้งสิ้น

บทความอื่นที่ใกล้เคียง

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ไส้กรองอากาศ ตรวจเช็กง่ายๆ ด้วยตัวเอง

ไส้กรองอากาศ มีหน้าที่ เปรียบเสมือนจมูกของคนเราเนี่ยแหละค่ะ หากสูดอากาศที่มีแต่เศษฝุ่นเข้ามาก ๆ ก็ไม่ดีต่อร่างกาย ไส้กรองอากาศจะค่อยดักจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าไปภายในเครื่องยนต์ ซึ่งเมื่อใช้งานไปนาน ๆ อาจจะทำให้เกิดการอุดตัน อากาศผ่านเข้าไปในกระบอกสูบได้น้อยลง และทำให้การเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ อายุการใช้งานของไส้กรองอากาศจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล และสภาพแวดล้อมเป็นหลัก โดยปกติทางบริษัทรถยนต์ กำหนดให้เราเปลี่ยนไส้กรองอากาศทุก ๆ 20,000-40,000 กิโลเมตร

ลมยางรถยนต์ควรเติมเท่าไหร่จึงจะดีที่สุด

รถแต่ละประเภทหรือแต่ละรุ่นเติมแรงดันลมยางไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดเลยนะคะ แรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเติมลมยางรถเก๋งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง แต่ถ้าหากต้องบรรทุกน้ำหนักมาก เช่น กรณีที่มีผู้โดยสารเต็มทั้ง 5 ที่นั่ง หรือบรรทุกของด้านหลังจนเต็ม อาจเพิ่มปริมาณการเติมได้ถึง 33-35 PSI เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถกระบะนั้นจะค่อนข้างใช้ลมยางที่มากกว่ารถเก๋งโดยสารตามปกติ โดยสำหรับล้อหน้าแรงดันยางจะอยู่ที่ประมาณ 36-38 PSI และล้อหลังที่ 40-42 PSI แต่ถ้าหากบรรทุกของเต็มท้ายรถ ก็สามารถเพิ่มปริมาณการเติมลมเพื่อรองรับน้ำหนักได้มากถึง 47-51 PSI เลยทีเดียวค่ะ

scroll up