บทความต้องรู้

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ดอกยางแบบไหนเหมาะที่จะขับลุยฝนตก

24/พ.ค./2566

            ช่วงนี้เรียกได้ว่าอากาศแปรปรวนอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวฝนตก ในวันที่ฝนตกหนัก ๆ แล้วคุณใช้งานรถยนต์อยู่นั้นต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่อย่างสูง อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ควรให้ความสำคัญในการขับรถท่ามกลางฝนตกนั้นก็คือดอกยางรถยนต์ แน่นอนว่าหากใช้งานยางรถยนต์เป็นระยะเวลานานดอกยางก็ย่อมเสื่อมสภาพไปบ้าง วันนี้ #ไมค์คาร์แกลเลอรี่ เลยมีวิธีเลือกดอกยางรถ แบบไหนเหมาะสำหรับขับลุยฝนตก  มาฝากกัน

 

หน้าที่ของดอกยางรถยนต์

            ดอกยางรถยนต์ มีหน้าที่ในการยึดเกาะถนนและกระจายน้ำหนักของตัวรถให้เท่ากันบนยางแต่ละเส้น และมีร่องยางยังช่วยรีดน้ำออกจากหน้ายาง เพื่อป้องกันการลื่นไถลเมื่อขับรถบนถนนที่เปียก โดยดอกยางที่ดีควรมีความลึกไม่น้อยกว่า 3 มม. และอายุของยางไม่ควรเกิน 5 ปี นับจากวันที่ผลิต

 

ดอกยางรถยนต์ แบบไหนเหมาะสำหรับขับลุยฝนตก

1. ดอกยางแบบ 2 ทิศทาง

            ลายดอกยางประเภทนี้ เมื่อแบ่งครึ่งเป็น 2 ด้าน ลายดอกยางจะสวนทางกัน แต่เป็นลายดอกยางในรูปแบบเดียวกันทั้งซ้ายและขวา ส่วนมากถูกออกแบบมาสำหรับรถยนต์ที่ไม่ใช้ความเร็วสูง

2. ดอกยางแบบทิศทางเดียว

            ลายดอกยางประเภทนี้จะมีลายดอกยางที่เหมือนกันและไปในทางเดียวกันทั้งซ้ายและขวา และจะมีลูกศรหรือสัญลักษณ์ที่อยู่ข้างยางเพื่อบอกทิศทางการหมุนของยาง  ซึ่งยางรถยนต์ประเภทนี้จะสามารถรีดน้ำได้ดีและรวดเร็วกว่ายางประเภทอื่น ๆ และยังช่วยในการควบคุมการทรงตัวของรถ เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้ความเร็ว

3. ดอกยางแบบไม่สมมาตรกัน

            จะมีลายที่แตกต่างกันบนหน้ายาง ลายดอกยางทั้งสองฝั่งจะหนาไม่เท่ากัน ซึ่งลายดอกยางด้านในจะออกแบบมาเน้นการขับขี่ที่ความเร็วสูง ส่วนดอกยางด้านนอกจะเน้นขับขี่เพื่อเข้าโค้งทางคดเคี้ยวมาก ๆ ที่ความเร็วสูง

            รู้แบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมเลือกยางรถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้งานกันไว้ด้วยนะครับ และเราสามารถเช็กความลึกของดอกยางโดยการนำเหรียญบาทมาเช็กหากความลึกตื้น เพียง 1.6 มม. หมายความว่าดอกยางรถคุณเสื่อมสภาพแล้วควรเปลี่ยนทันที

บทความอื่นที่ใกล้เคียง

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ไส้กรองอากาศ ตรวจเช็กง่ายๆ ด้วยตัวเอง

ไส้กรองอากาศ มีหน้าที่ เปรียบเสมือนจมูกของคนเราเนี่ยแหละค่ะ หากสูดอากาศที่มีแต่เศษฝุ่นเข้ามาก ๆ ก็ไม่ดีต่อร่างกาย ไส้กรองอากาศจะค่อยดักจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าไปภายในเครื่องยนต์ ซึ่งเมื่อใช้งานไปนาน ๆ อาจจะทำให้เกิดการอุดตัน อากาศผ่านเข้าไปในกระบอกสูบได้น้อยลง และทำให้การเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ อายุการใช้งานของไส้กรองอากาศจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล และสภาพแวดล้อมเป็นหลัก โดยปกติทางบริษัทรถยนต์ กำหนดให้เราเปลี่ยนไส้กรองอากาศทุก ๆ 20,000-40,000 กิโลเมตร

วิธีการเลือกรถยนต์มือสอง

ในยุคสมัยปัจจุบันนี้การจะออกรถยนต์ใหม่ป้ายแดงสักคัน อาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลายๆคนเนื่องจากเราทุกคนก็คงไม่ยากจะเพิ่มภาระให้ตัวเองในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ผู้คนส่วนใหญ่จึงหันมามองที่ตลาดรถยนต์มือสอง เพราะว่าในราคาที่เท่ากันเราสามารถที่จะซื้อรถยนต์มือสองยี่ห้อเดียวกันรุ่นที่เหนือกว่ารถยนต์ป้ายแดงยี่ห้อเดียวกัน หรือ สามารถที่จะซื้อรถยนต์รุ่นเดียวกันในราคาที่ต่ำกว่า แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อเราควรมาทราบถึงวิธีการเลือกรถยนต์มือสองที่จะทำให้เราได้รถยนต์มือสองที่สภาพดีและคุ้มค่ากับราคาและลดปัญหาที่จะพบเจอจากรถยนต์มือสองที่เราตัดสินใจซื้อ โดยขั้นตอนในการเลือกและตรวจสอบรถยนต์มือสองมีตามขั้นตอนดังนี้

ลมยางรถยนต์ควรเติมเท่าไหร่จึงจะดีที่สุด

รถแต่ละประเภทหรือแต่ละรุ่นเติมแรงดันลมยางไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดเลยนะคะ แรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเติมลมยางรถเก๋งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง แต่ถ้าหากต้องบรรทุกน้ำหนักมาก เช่น กรณีที่มีผู้โดยสารเต็มทั้ง 5 ที่นั่ง หรือบรรทุกของด้านหลังจนเต็ม อาจเพิ่มปริมาณการเติมได้ถึง 33-35 PSI เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถกระบะนั้นจะค่อนข้างใช้ลมยางที่มากกว่ารถเก๋งโดยสารตามปกติ โดยสำหรับล้อหน้าแรงดันยางจะอยู่ที่ประมาณ 36-38 PSI และล้อหลังที่ 40-42 PSI แต่ถ้าหากบรรทุกของเต็มท้ายรถ ก็สามารถเพิ่มปริมาณการเติมลมเพื่อรองรับน้ำหนักได้มากถึง 47-51 PSI เลยทีเดียวค่ะ

scroll up