บทความต้องรู้

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

5 สัญญาณเตือน เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง

05/มิ.ย./2566

“น้ำมันเครื่อง” หัวใจสำคัญของรถที่มองข้ามไม่ได้ เพราะช่วยยืดอายุการใช้งาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งน้ำมันเครื่องรถยนต์นั้น จะมีช่วงเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องยนต์ การใช้งาน และระยะในการเปลี่ยนถ่ายของน้ำมันเครื่องแต่ละประเภท

 

1. อัตราเร่งอืดและแย่ลง

                ถ้าคุณเหยียบคันเร่งแล้วรู้สึกว่ารถยนต์ของคุณมีอัตราเร่งที่อืดหรือแย่ลงผิดปกติ นั้นก็อาจจะเป็นสาเหตุที่บ่งบอกว่าน้ำมันเครื่องของรถคุณเสื่อมสภาพได้ครับ ดังนั้นควรตรวจเช็คหากพบว่าน้ำมันเครื่องแห้งหรือเสื่อมสภาพก็ควรรีบเปลี่ยนทันที

 

2. น้ำมันเครื่องมีสีเข้มและสกปรก

                สีของน้ำมันเครื่องโดยปกติจะมีสีเหลืองทอง เมื่อเติมเข้าไปในเครื่องยนต์แล้ว สีของน้ำมันเครื่องก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามการใช้งาน ซึ่งเมื่อเจอฝุ่น ควัน และสิ่งสกปรกเป็นผลทำให้สีน้ำมันเครื่องเริ่มดำขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อสังเกตเห็นว่าเริ่มเป็นสีดำสนิท ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถยนต์ทันที เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานต่อได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

3. มีมลพิษออกจากรถ

                เมื่อมีควันดำออกมาจากท่อไอเสียขณะขับรถ อาจเกิดจากน้ำมันเครื่องที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด ส่งผลทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก และต้องใช้อัตราการเร่งเพิ่มมากขึ้น ควรทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทันที เพื่อให้น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ได้เต็มประสิทธิภาพ

 

4. กินน้ำมันมากขึ้น

                สาเหตุที่รถของคุณกินน้ำมันมากขึ้น อาจมาจากการที่ไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด เพราะ น้ำมันเครื่องจะหนืดขึ้นจนไม่สามารถปั๊มน้ำมันขึ้นไปหล่อลื่นลูกสูบได้ทัน และทำให้เคลื่อนตัวได้ช้าลงส่งผลให้กินน้ำมันมากขึ้น และทำให้เครื่องยนต์สึกเหรอเร็วขึ้นอีกด้วย

 

5. จอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน 

                ในกรณีที่คุณจอดรถมากกว่าวิ่ง อย่างน้อยๆ ก็ควรที่จะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก ๆ 6 เดือน เพราะทุกครั้งที่เครื่องยนต์ทำงาน ภายในเครื่องยนต์จะมีคราบเขม่าและความชื้นจากการเผาไหม้ตกค้างอยู่นั่นเอง และความชื้นกับชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เป็นโลหะนั้นก็ไม่ค่อยจะถูกกันซะด้วยซิครับ ดังนั้นถึงจะจอดไว้นิ่ง ๆ ก็เลี่ยงเรื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันไม่ได้เหมือนกัน

 

                หากรถของคุณเริ่มมีอาการใด ๆ ใน 5 ข้อนี้ ควรรีบนำรถเข้าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องโดยด่วน เพราะ น้ำมันเครื่องรถยนต์ สำคัญกว่าที่คิด

บทความอื่นที่ใกล้เคียง

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ลมยางรถยนต์ควรเติมเท่าไหร่จึงจะดีที่สุด

รถแต่ละประเภทหรือแต่ละรุ่นเติมแรงดันลมยางไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดเลยนะคะ แรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเติมลมยางรถเก๋งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง แต่ถ้าหากต้องบรรทุกน้ำหนักมาก เช่น กรณีที่มีผู้โดยสารเต็มทั้ง 5 ที่นั่ง หรือบรรทุกของด้านหลังจนเต็ม อาจเพิ่มปริมาณการเติมได้ถึง 33-35 PSI เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถกระบะนั้นจะค่อนข้างใช้ลมยางที่มากกว่ารถเก๋งโดยสารตามปกติ โดยสำหรับล้อหน้าแรงดันยางจะอยู่ที่ประมาณ 36-38 PSI และล้อหลังที่ 40-42 PSI แต่ถ้าหากบรรทุกของเต็มท้ายรถ ก็สามารถเพิ่มปริมาณการเติมลมเพื่อรองรับน้ำหนักได้มากถึง 47-51 PSI เลยทีเดียวค่ะ

ไส้กรองอากาศ ตรวจเช็กง่ายๆ ด้วยตัวเอง

ไส้กรองอากาศ มีหน้าที่ เปรียบเสมือนจมูกของคนเราเนี่ยแหละค่ะ หากสูดอากาศที่มีแต่เศษฝุ่นเข้ามาก ๆ ก็ไม่ดีต่อร่างกาย ไส้กรองอากาศจะค่อยดักจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าไปภายในเครื่องยนต์ ซึ่งเมื่อใช้งานไปนาน ๆ อาจจะทำให้เกิดการอุดตัน อากาศผ่านเข้าไปในกระบอกสูบได้น้อยลง และทำให้การเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ อายุการใช้งานของไส้กรองอากาศจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล และสภาพแวดล้อมเป็นหลัก โดยปกติทางบริษัทรถยนต์ กำหนดให้เราเปลี่ยนไส้กรองอากาศทุก ๆ 20,000-40,000 กิโลเมตร

scroll up